Google
 

Thursday, April 8, 2010

ในมุมหนึ่งของเชียงใหม่

ในมุมหนึ่งของเชียงใหม่

เมืองที่ใครหลายคนหลงไหล เคยหลงไหล และอาจจะไม่หลงไหลอีกต่อไป

ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเหตุผลบางประการ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของหลายสถานการณ์ที่เลวร้ายจนถึงทุกวันนี้

จากที่เคยเป็นเมืองน่าอยู่ ก็กลายเป็นเมืองป่าเถื่อนใน สายตาของคนส่วนใหญ่

ซึ่งความจริงแล้ว คนเชียงใหม่ส่วนใหญ่ ใจดี มีน้ำใจ และรักสงบ

ยกเว้นกลุ่มคนบางประเภทเท่านั้น ที่ชอบออกมาแสดงพฤติกรรมป่าเถื่อน

และถูกประนามออกบ่อยครั้ง

จนบางครั้ง ข้าพเจ้าก็ยังน้อยใจอยู่ลึกๆเช่นกัน ที่ถูกเหมารวมให้อยู่ในกลุ่มป่าเถื่อนเหล่านั้น

วันนี้วันพระ ในอีกมุมสงบของเชียงใหม่ ข้าพเจ้าจึงตั้งใจที่จะ ทำบุญใส่บาตร กรวดน้ำ

ให้กับกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่ง ที่ไร้ความคิดทั้งหลาย

เผื่อว่าบุญกุศลนี้ จะทำให้พวกเขาหูตาสว่างขึ้นมาบ้าง

เวลา 06.09 น. ได้เวลากับการเดินทางสู่เป้าหมาย ของเรานั่นคือ

ถนนเส้นหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จนถึงลานครูบาศรีวิชัย ทางขึ้นพระธาตุดอยสุเทพ

อากาศยามเช้า เย็นใช้ได้เลยทีเดียว มีหมอก ไม่งั้นก็ควัน ขมุกขมัวเล็กน้อย

ถนนก็โล่งชวนให้อยากตื่นเช้ามาขับรถเล่นแบบนี้ทุก วัน


ข้าพเจ้าใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที ก็มาถึงถนนเส้นนั้น การตักบาตรที่นี้

หากใครไม่สะดวกและไม่มีเวลากับการเตรียมอาหาร

ก็จะมีบริการจัดของใส่บาตรอยู่ตามรายทาง จึงทำให้สะดวกมากยิ่งขึ้น


ข้าพเจ้าเลือกทำเลอยู่มุมประตู มช. เพราะคิดว่าน่าจะมีพระเณร เดินมาทางนี้เยอะ

มองออกไปก็ไม่ค่อยมีผู้คนมากนัก แต่ได้คุยกับป้าเจ้าของร้าน เลยทราบว่า

ปกติแล้ว ผู้คนจะมากันประมาณเจ็ดโมงกว่าๆ พระ เณรท่าน ก็จะเลือกมาช่วงเวลานั้น

ก็เลยเป็นโอกาสดีที่จะเก็บรรยากาศมาฝากทุกท่าน


วันนี้ข้าพเจ้าได้นางแบบนางหนึ่ง ที่ยอมสละเวลาการนอน เพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ

ถึงง่วงนอนแค่ไหน ก็พยายามจะยิ้มแฉ่งสู้กล้องตลอด เวลา

จริงๆแล้ว เธอยังไม่ได้นอนหลับเลยแหละครับ เพราะเกรงว่า ถ้านอนหลับแล้ว

จะตื่นไม่ทันสำหรับการณ์นี้

พระ เณรท่านก็ทยอยมาบิณฑบาตร พร้อมๆกับเริ่มมีผู้คนที่ทยอยมาตักบาตร กันมากขึ้น

บางท่านก็มากับครอบครัว มาคนเดียวบ้าง มากับคู่รักบ้าง และรวมไปถึงกับกรุ๊ปทัวร์ด้วย

ยิ่งในช่วงนี้แล้ว เป็นช่วงของการปิดภาคเรียน จะมีผู้คนมาตักบาตร มากเป็นปกติ

เพราะมีการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน นั่นเอง

การตักบาตร จะเริ่มต้นตั้งแต่ จุดประตูหน้าของมช. (ขออนุญาติเรียกสั้นๆ) จนถึงลานครูบาฯ

โดยจะมีพระ และสามเณรจำนวนมาก ที่ออกมาบิณฑบาตร รวมไปถึงสามเณรน้อย

ที่จะมีพระพี่เลี้ยงคอยดูแลอย่างใกล้ชิด มองดูแล้วก็อดยิ้มไปตามไม่ได้


ข้าพเจ้าใช้เวลาร่วมชั่วโมงนิดๆ จึงตักบาตร เสร็จ จริงๆก็ไม่ได้ตักบาตรพระท่านเยอะเท่าไรหรอก

เพียงแต่ว่าพระท่านไม่ได้มาเป็นกลุ่ม มักจะมาลำพัง หรือไม่เช่นั้นก็ไม่เกินสามรูป

ทำให้การตักบาตรจึงล่าช้าไปมาก ยกเว้นก็แต่สามเณรภาคฤดูร้อน ที่จะมาบิณฑบาตร

ที่ละหลายๆองค์ โดยจะมีพระพี่เลี้ยงคอยนำให้พรอยู่ เสมอ แต่มองแล้ว น่าเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง


กระบวนการสุดท้ายของการตักบาตร ในระหว่างที่พระท่านให้พร ก็ต้องมีการกรวดน้ำ

ซึ่งเป็นการแผ่เมตตาให้กรรมเจ้ากรรมนายเวรที่เราเคย ล่วงเกินมา

การกรวดน้ำโดยการใช้น้ำเป็นสื่อนั้น

เหตุผลก็คือว่า สัตว์นรกบางประเภท ก็ไม่สามารถรับรู้ ไม่สามารถอนุโมทนา กับบุญที่เราได้ทำได้

จึงต้องอาศัยน้ำผ่านพระแม่ธรณีไปถึงพวกเขา พวกเขาจึงจะสามารถอนุโมทนาได้

เหตุการณ์ในมุมสงบของเชียงใหม่ จึงจบลงด้วยประการฉะนี้

.....................................................


ด้วยอานิสงค์ใดที่ ข้าพเจ้าได้ทำแล้วนี้ ข้าพเจ้าขอถวายเป็นพุทธบูชาแดพระสัมมา สัมพุทธเจ้า

พระปัจเจคพุทธเจ้าทุก พระองค์ พระอริยสงค์

และถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ตลอดจนพระสยามเทวาธิราช

บรรพบุรุษที่เสียสละชีพ ให้กับแผ่นดินไทยทุกท่าน ทุกผู้ทุกนาม

ขอแผ่ถึงบรรดาเจ้ากรรม นายเวรทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่าน

ชาติก่อนก็ดี ในชาตินี้ก็ดี ขอให้ท่านทั้งหลายจงอนุโมทนาด้วยเทอญ

No comments: