Google
 

Thursday, April 8, 2010

เวียงจันทน์-วังเวียง (ตอนที่2 ไกด์สาวลาว และลำน้ำซอง)



จาก เวียงจันทน์...สู่วังเวียง

วันนี้เรามีโปรแกรมมุ่งสู่วังเวียง ในช่วงบ่าย ครึ่งวันเช้าเรามีโปรมแกรมซ้ำ เหมือนคราวก่อนๆ เพราะมีหลายคนที่ยังไม่เคยมามาเยือนสปป.ลาว โดยจะไปไห้วพระที่พระธาตุหลวง จากนั้นเยี่ยมชมหอพระแก้ว แล้วไปหาซื้อแบล็คเบอร์รี่(เทียม)ที่ตลาดเช้า กินอาหารเที่ยงแล้วจึงมุ่งสู่วังเวียง ตามโปรแกรมแล้วคงถึงวังเวียงบ่ายแก่ๆ แดดร่มลมตกกำลังดี

ไก ด์สาวลาว

มาเที่ยวลาวในคราวนี้คณะ ของเราสี่สิบกว่าคนมีไกด์สาวที่เธอแนะนำตัวเธอนั้นว่า "น้องแล่" ซึ่งจะคอยทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศน์ตลอดการเดินทางสองวันสองคืน ชื่อ"แล่" นั้นเธอบอกว่ามาจากคำว่า"แหล่" ที่แปลว่าดำด่าง ขี้เหล่ ไม่น่าดู อะไรทำนองนี้ ตอนเด็กแล่บอกว่าเธอขี้ร้าย(ขี้เหล่)มาก แต่ตอนนี้ผมก็ว่าทั้งหน้าตาและอัธยาศัยเธอนั้นออกจะน่ารัก บ้านของแล่นั้นอยู่แถวๆ ทุ่งไหหินสถานที่น่าสนใจมากอีกแห่งหนึ่งของลาว ซึ่งกำลังถูกผลักดันให้เป็นมรดกโลก คราวนี้เรายังไปไม่ถึงทุ่งไหหิน เก็บไว้ในใจก่อนจะได้หาเรื่องไปเที่ยวลาวอีก

พูดถึงไกด์ลาวแล้วสิ่งที่ผมประทับใจอย่างหนึ่งก็คือการ แต่งตัว ไกด์สาวลาวยังนุ่งซิ่นซึ่งดูเป็นเอกลักษณ์ที่ยังดูมีเสน่ห์ ยิ่งใครมีหน้าตาน่ารักเป็นทุนเดิมก็อาจทำให้หนุ่มไทยหลงเส่ห์ได้ ง่ายๆ เพราะสาวลาวเวลาพูดนั้นจะมีสำนียงของภาษาที่เพราะอ่อนหวานเป็นทุนอยู่ แล้วได้ฟังบ่อยๆ ถ้าใจไม่แข็งก็อาจเคลิ้มได้

อย่างเรื่องราวของไกด์สาวสวย(คำลี่)ในหนังเรื่องสบาย ดีหลวงพระบาง ที่ทำให้หนุ่มช่างภาพไทย(อนันดา)หลงเสน่ห์ นั้นก็คงไม่ใช่เรื่องเกินเลยแต่ประการใด ผมคิดว่าแรงบรรดาลใจของพล็อตหนังเรื่องนี้อาจจะมาจากไกด์สาวลาวคน ใดคนหนึ่งก็เป็นได้ แม้กระทั่งคราวนี้"เจ้าเขียด"น้องสนิท คนหนึ่งซึ่งเดินทางไปด้วยกัน ตอนแรกก็เห็นเดินกับแฟนอยู่ดีๆ เผลอแผล็บเดียวพอไปเจออีกทีกำลังขอไกด์สาวลาวอีกทัวร์หนึ่งถ่ายรูป เป็นที่ระลึกอยู่พอดี...เขียดนะเขียดไม่เรียกพี่บ้างเลย


น้อง แล่ไกด์สาวขวัญใจหนุ่มๆ


เจ้าเขียด เผลอแผล็บเดียวเห็นไปขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับไกด์สาวอีกทัวร์ หนึ่งเสียแล้ว


รถ ประจำทางสาย เวียงจันทน์-หลวงพระบาง

สู่วังเวียง

หลังอาหารกลางวันเราก็มุ่งสู่วังเวียงระยะทางไม่ถึงสองร้อยกิโลเม ตร แต่ต้องใช้ระยะเวลาเดินทางราวสามชั่วโมง เพราะต้องขึ้นเขาหลายช่วง นั่งรถไปได้สักพักอาการหนังท้องตึงก็ทำให้เผลอหลับไปไม่รู้ตัว มารู้สึกตัวอีกทีก็เพราะรถกำลังโยกตัวไปมาตามแนวโค้งของเขา

ใกล้วังเวียงทัศนียภาพเริ่มเห็นเขาหินปูนทอดตัวนอนสงบนิ่งราว กับแมวขี้เซาที่กำลังขดตัวนอนนิ่ง วังเวียงเป็นชุมชนเล็กๆ เป็นจุดพักมาช้านาน ใครเดินทางผ่านเขาคดโค้งจากหลวงพระบางมุ่งสู่ เวียงจันทน์ก็ต้องมาพักที่นี่ให้หายเหนื่อยกันก่อน ลำน้ำซองที่ไหลเอื่อยไปไปแนวเขาหินปูน เป็นภาพงามเป็นมุมสงบที่ใครก็อยาก มาพักกายพักใจ ความสงบงามนี้เองที่ทำให้ชื่อเสียงของสาวงามที่ชื่อวัง เวียงโจษขานไปไกลแสนไกล เรียกร้องให้ผู้คนจากแดนไกลข้ามน้ำข้ามทะเล มายลโฉมสถานที่ที่ได้ชื่อว่า"กุ้ยหลินเมืองลาว" หรือบางคนก็ว่าเป็น"ปายแห่งลาว" เพราะที่นี่มีฝรั่งหนีมาพักร้อนกันมากมายจนราวกับเป็นเมืองของพวก เขาไม่ต่างจากปาย



บรรยากาศ ก่อนลงเรือล่องลำน้ำซอง




สาว น้อยวังเวียง

ปล่อยใจไปกับลำน้ำซอง

ไปถึงวังเวียงราวสี่โมงครึ่งเก็บของเข้าที่พัก แล้วเดินลงไปตามทางข้างรีสอร์ทก็จะเป็นท่าขึ้นเรือหางยาว เราไปรวมตัวกันตรงท่าก็เกือบห้าโมงแดดร่มลมตกกำลังดี จับคู่นั่งเรือกันลำละสองคน ของผมนั่งคู่กับลูกชาย ใช้เวลาล่องไปกลับประมาณสี่สิบห้านาที ไม่มากไม่น้อย เรือทยอยออกไปทีละลำสองลำ พอได้ลงเรือหน้าตาพวกเราก็แช่มชื่นโบก มือโบกไม้เฮฮาเหมือนเด็กได้ของเล่น เรือทยอยออกจากท่าลำแล้วลำเล่า เรือของผมคนเก็บภาพออกจากท่าเป็นลำท้าย

เรือแล่นเอื่อยๆ ทวนสายน้ำขึ้นไป แดดร่มลมเย็นสบาย ผมไม่ได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก เรือแล่นไปช้าๆ เราผ่านหนุ่มสาวที่ล่องตามสายน้ำลง มาด้วยเรือแคนู พวกเขามีรอยยิ้มเป็นวันวัยที่กำลังเก็บเกี่ยวความทรง จำดีๆ ในสถานที่ดีๆ ไว้เป็นพลังให้ชีวิต เสียดายเหมือนกันที่โปรแกรม เรามีเวลาจำกัดจึงพลาดที่จะได้มีเวลานานๆ พายแคนูล่องไปแบบไม่รีบร้อน มีเวลาพักกายพักใจซึมซับความสงบของธรรมชาติไว้จนเต็มล้นหัวใจ

เรือแล่นไปราวยี่สิบกว่านาทีแล้ววนกลับ สองข้างทางที่ผ่านเป็นรีสอร์ทหลายแห่งทิ้งห่างกันเป็นระยะ มีทั่งแบบดิบๆ อิงกับธรรมชาติและแบบรีสอร์ทที่หรูหน่อย นักท่องเที่ยวที่เห็นเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนใหญ่เป็นฝรั่งตาน้ำข้าวที่หนีหนาวมาพักผ่อนในเมืองร้อน ชาวเอเชียที่เห็นก็จะเป็นพวกญี่ปุ่น มองไปทางไหนก็จะเห็นแต่ชาวต่างชาติ นี่กระมังครับที่นี่จึงได้ชื่อว่า...ปายแห่ง ลาว

------------------------------------โปรดติดตามตอนต่อไปครับ-------------------------------




หนุ่ม สาวชาวญี่ปุ่น


















ทิวทัศน์ลำน้ำซองและเขาหินปูนในยามค่ำ

No comments: