Google
 

Saturday, April 3, 2010

ใครเป็นคนผิด

ยอมรับค่ะว่า เป็นความผิด...มันเกิดจากความว้าเหว่ ผสมกับดำกฤษณา มันเป็นความผิดพลาดที่ไม่ควรให้อภัย


...ใครล่ะ เป็นต้นเหตุ...ดิฉันหรือเขา?...
''พี่ต้องเรียนต่อ เพราะหากมีการพิจารณา เรามีวุฒิสูงกว่า มันก็จะได้เปรียบ ผู้ใหญ่พิจารณาได้ง่าย''
''แล้วพี่จะไปเรียนอย่างไร?''
''เรียนเสาร์-อาทิตย์...คงไปตอนเย็น วันศุกร์ แล้วกลับเย็นวันอาทิตย์''
วุฒิสามีของดิฉันให้เหตุผลในการ ที่จะต้องเรียนระดับป ริญญาโทต่อ สถานที่เขาต้องไปเรียนอยู่อีกจังหวัด หนึ่งไกลกว่าจัง หวัดที่เราอยู่หลายร้อย กิโลเมตร ต้องเดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง
เหตุผลของเขานับว่ารับฟังได้เพื่ออนาคตของเขาและครอบ ครัวของเรา
แต่ ดิฉันคิดว่า ในความเป็นจริง เรามีทุกอย่างพร้อมแล้ว พ่อแม่เรามีทรัพย์สินเป็นมรกดให้ มีธุรกิจให้ ซึ่งดิฉันได้รับมอบมาดำเนินการแทน แม้จะไม่มากและไม่ใช่ธุรกิจใหญ่โต หากเขารับราชการไป ดิฉันค้าขายไป เราสามารถอยู่ได้อย่างสบายและมีความ สุข
เราอยู่ด้วยกันมา 3 ปีกว่าตั้งแต่จบการศึกษาใหม่ๆ โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน เขาเข้ารับราชการทันทีที่จบ ส่วนดิฉันเข้าทำธุรกิจที่พ่อแม่ดิฉันยกให้ วุฒิขยันในการปฏิบัติหน้าที่ทางราชการของเขา หรือจะเรียกว่าบ้างานก็ได้ เขากลับบ้านค่ำ บ่อยครั้งดึกดื่น เช้าเขาจะรีบไปทำงาน วันๆ เราเจอกันนับชั่วโมงได้
เราจะมีเวลาที่เป็นตัวของเราเองบ้างก็เพียงวันเสาร์-อาทิตย์เท่า นั้น แต่ก็ไม่บ่อย เพราะเจ้านายจะเรียกเขาไปทำงาน
''เจ้านายเรียก เราจะไม่ไปได้อย่างไร?
''พี่เสนอตัว''
ดิฉันรู้ว่าเขาเสนอตัวที่จะ ทำงานกับเจ้านายในวันหยุด
''ไม่ได้เสนอตัว แต่เจ้านายถามว่างไหม...เราว่างก็บอกท่านไป...''
''พี่ อาจว่างในการทำงาน เพราะบ้านเราไม่มีงานให้พี่ทำ...แต่สำหรับครอบครัว พี ่ควรให้เวลาแก่ครอบครัวบ้าง''
''พี่ทำเพื่ออนาคตของครอบครัวเรา เหมือนกัน...''
''พี่ทำเพื่อตัวเอง ความก้าวหน้าของตัวพี่เอง...''
เมื่อเขาจะไปเรียน หนังสือต่อ ความน้อยใจและเสียใจที่เขาเอาเวลาที่มีเพียงน้อยนิดข องเราคืนไป มันเหมือนมีอะไรที่จุกอยู่ในอก คำพูดของดิฉันที่พูดแก่เขาในที่สุด คือ
''...แล้วแต่พี่ก็แล้วกัน''
ดิฉันอายุ 26 เท่านั้น สาวและหน้าตาดีพอควร...วัยอย่างดิฉันไม่ได้อยู่ในวัย ที่อยู่กับบ้าน มุ่งแต่ทำงานเพียงอย่างเดียว ดิฉันยังต้องการความสนุกสนานและความ อบอุ่นจากสามี
''ถ้าน้องจะเที่ยวบ้าง...พี่จะว่าไหม?''
เขานิ่งไปครู่
''แล้วแต่น้อง...จะไปเที่ยวกับใคร...?''
''ไปกับ เพื่อน หรือพี่ๆ น้องๆ...''
ดิฉันและเขาเป็นสามีภรรยากัน...แต่ เหมือนห่างไกลสุดห ล้า
วันธรรมดาเช้าเขาไปทำงาน ดิฉันออกจากบ้านไปเปิดร้านดูแลสินค้าและลูกน้อง เย็น-ค่ำดิฉันกลับบ้านมาดูแลอาหารและก็รับประทานคนเดียว ไม่รู้เขาจะกลับเมื่อไหร่ ค่ำเขากลับมาอาบน้ำ กินข้าว แล้วรีบเข้าห้อง ซึ่งดัดแปลงเป็นห้องหนังสือและทำงานของเขา ส่วนดิฉันดูโทรทัศน์แล้วเข้านอน
การเรียนปริญญาโทมีการบ้านมาก วันศุกร์เขาต้องรีบไปขึ้นรถเมล์หรือนั่ง รถร่วมกับเพื ่อนๆ ไปยังจังหวัดที่เขาเรียน วันอาทิตย์เขาจึงกลับ บางทีกลับรถไม่ทันเขาต้องกลับตอนเช้าวันจันทร์
''ไปเที่ยวเมืองจีน กัน'' เพื่อนชวน ดิฉันรับปากทันที เป็นประเทศและสถานที่แรกที่ดิฉันเริ่ม ในการท่องเที่ย ว...จากเมืองจีนไป ฮ่องกง สิงคโปร์ และญี่ปุ่น...
ดิฉันได้รู้จักกับ ต. ผู้ชายวัย 55 ที่เกษียณมาจากบริษัทญี่ปุ่น พ่อม่ายเมียตายมีลูกคนเดียว
''ผมขอใช้ชีวิตบั้นปลายในการท่องเที่ยว...'' เขาบอกกับดิฉัน
''ขอเที่ยวก่อน...เบื่อเมื่อไหร่อาจจะจับงานเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเพิ่มเงิน ไม่ให้มันหมดไปจนแห้งธนาคาร
เราใกล้ชิดกันเพราะการท่องเที่ยว เขามีโปรแกรมไปไหนเขาจะชวน ดิฉันมีโปรแกรมก็จะชวนเขา
เราเป็นเพื่อนต่างวัยห่างกัน 30 ปี แต่เรากลับไปเที่ยวกันอย่างสนุกสนาน
บรรยากาศของต่างประเทศความใกล้ชิด ความว้าเหว่และความต้องการ
ดิฉันตกเป็นของเขาด้วยความเต็มใจ...เต็ม ใจที่จะหาควา มสุขจากเขา
ดิฉันคิด...ให้มันครบ...เที่ยว กิน และเซ็กซ์...
แล้วดิฉันก็ขอแยกทางกับ สามี...เขาเรียนก็เรียนไป อนาคตของเขา...ส่วนอนาคตของดิฉันคือ ทำงาน เก็บเงิน เที่ยว และมีเซ็กซ์...ใครจะว่าก็ช่าง...นี่คือตัวของ ดิฉัน
''ปราณี''

No comments: