Google
 

Thursday, December 27, 2007

ขากางเกงกับมะเร็งปากมดลูก

ขากางเกงกับมะเร็งปากมดลูก
ท่านทราบไหมว่า ผู้หญิงไทยป่วยและเสียชีวิตด้วยมะเร็งชนิดใดมากที่สุด ? จากสถิติทางการแพทย์ระบุไว้ว่า โรคมะเร็งที่ผู้หญิงไทยเป็นมากที่สุดคือ มะเร็งปากมดลูก ในเวลา 24 ชั่วโมง ผู้หญิงไทยไปเสียชีวิตด้วยมะเร็งปากมดลูกถึง 9 คน ในขณะที่ทั่วโลกทุก ๆ 2 นาที ผู้หญิง 1 คน จะเสียชีวิตด้วยมะเร็งปากมดลูกนี้ ในแต่ละปีจะมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ 2.7 แสนคน ในปี 2545มีการสำรวจ พบว่า...มีผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ 5 แสนคนทั่วโลก สำหรับในไทยมีถึง 6,000 ราย นี่เป็นการยืนยันว่า มะเร็งปากมดลูกเกิดได้กับสตรีทั่วโลก โดยไม่เลือก อายุ วัฒนธรรม การศึกษา

นายแพทย์ฉันทวัฒน์ เชนะกุล เล่าไว้ในเดลินิวส์ว่า ต้นเหตุของมะเร็งปากมดลูก พบว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เกิดจากไวรัสตัวหนึ่งที่ชื่อว่า “เอชพีวี” (Human Papilloma Virus) นอกจากนี้ไวรัสตัวนี้ยังก่อให้เกิดโรคติดเชื้อสารพัดทั้งในคนและสัตว์ เช่น หูดตามผิวหนัง หูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศ หรือแม้แต่ก้อนติ่งเนื้อในหลอดเส้นเสียง ฯลฯ “เซลล์ปากมดลูกของผู้หญิง”จะมีการแบ่งตัวตลอดเวลา พอไวรัสตัวนี้เข้าไปปุ๊บ ก็ไปทำให้เกิดการแบ่งตัวของเซลล์ที่ผิดปกติขึ้น ซึ่งการแบ่งตัวของเซลล์ที่ผิดปกติจะพัฒนาไปเป็นมะเร็งได้ แต่ในผู้ชายไม่มีจุดที่ว่านี้ เพราะส่วนที่ปกคลุมอวัยวะเพศชายทั้งหมดเป็นเซลล์ชนิดเดียวกันหมด เหมือนผิวหนังของคนเรา ไม่มีส่วนที่เป็นเซลล์เปลี่ยนแปลง ผู้ชายจึงได้เปรียบ แม้มีไวรัสตัวนี้อยู่ในตัว แต่ไม่มีโรค ไม่มีอาการอะไร การตรวจหาในผู้ชายจึงยากนัก

นายแพทย์วิสิทธิ์ สุภัครพงษ์กุล สูตินรีแพทย์ จากโรงพยาบาลราชวิถี ให้สัมภาษณ์ไว้ในกรุงเทพธุรกิจว่า เชื้อไวรัส เอชพีวีพบได้ในที่ทั่ว ๆ ไป สามารถติดต่อได้ง่าย ๆ และติดเชื้อได้ซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้ง เชื้อนี้อาจจะหายได้เองภายใน 3 ปี แต่ถ้าติดเชื้อแบบเรื้อรังจนอาจฝังตัวอยู่ในเซลล์ของปากมดลูก ก็จะพัฒนาไปสู่การเป็นมะเร็งปากมดลูกได้

ผู้หญิงหลายคนเข้าใจว่า...โรคมะเร็งปากมดลูกจะติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์เท่านั้น หรือบางคนก็เข้าใจว่าเกิดจากกรรมพันธุ์ หลายคนดูพ่อแม่พี่น้องตัวเองไม่มีใครเป็น จึงทำให้ผู้หญิงขาดการระมัดระวังตัว ตอนนี้จึงต้องมาทำความเข้าใจกับผู้หญิงให้ถูกต้อง ว่า ...มะเร็งปากมดลูก นอกจากการมีเพศสัมพันธ์แล้ว แม้ไม่มีการสอดใส่ เพียงแค่สัมผัสของผิวหนังที่บริเวณอวัยวะเพศ ก็สามารถติดเชื้อได้แล้ว นายแพทย์วิสิทธิ์ ได้ยกตัวอย่างเรื่องขากางเกงของผู้หญิงที่ชอบใส่ยาว ๆ ลากพื้น หากเข้าห้องน้ำหรือส้วมสาธารณะขากางเกงนั้นอาจจะลากเอาเชื้อ“เอชพีวี”ติดมากับขากางเกงด้วย และหากเอามือไปจับต้องขากางเกง แล้วนำไปจับผ้าเช็ดตัว กางเกงชั้นใน หรือสิ่งอื่น ๆ ที่ต้องไปสัมผัสกับอวัยวะเพศ ก็เสี่ยงที่จะติดเชื้อเอชพีวีได้

เมื่อคุณหมอออกมาเตือนกันเช่นนี้ ผู้หญิงจึงจำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวในการเข้าห้องน้ำห้องส้วมเพิ่มมากขึ้น

- เริ่มตั้งแต่สำรวจความสะอาดของส้วมก่อนว่าเป็นเช่นไร? สะอาดไหม?พื้นแห้งไหม
- หากส้วมไหนสกปรก เปียกชื้นก็ต้องระมัดระวังให้ดี ไม่จำเป็นก็ไม่ควรเข้า
- แต่หากสุดจะทน ก่อนเข้าก็ต้องพับขากางเกงให้เรียบร้อยก่อนเข้าเพื่อป้องกันไม่ให้เปียกชื้น
- ราดน้ำให้สะอาดก่อนนั่งส้วมทุกครั้ง หากเป็นโถชักโครกก็ควรจะใช้กระดาษทิชชูเช็ดฐานที่นั่งให้แห้งก่อนนั่ง
- เมื่อเสร็จกิจก่อนจะล้างอวัยวะเพศหรือก้นควรล้างมือด้วยน้ำสะอาดก่อนแล้วจึงล้างอวัยวะเพศด้วยน้ำสบู่หากในห้องน้ำนั้นมีพร้อมแต่ถ้าไม่มีก็ควรล้างน้ำเปล่าหลาย ๆครั้งจนแน่ใจว่าสะอาด
- ใช้กระดาษซับอวัยวะให้แห้งก่อนใส่กางเกงใน
- ก่อนละจากส้วมต้องไม่ลืมราดน้าให้สะอาด ปราศจากกลิ่น สี และมูลของเรา เพื่อแสดงความรับผิดชอบที่ดีต่อสังคม และเป็นการเอื้ออาทรให้คนอื่นได้ใช้ด้วย
- เปิดประตูออกจากส้วมมาแล้วก็ยังต้องไม่ลืมล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาดอีกครั้ง ต้องไม่ลืมล้างลูกบิดก๊อกน้ำก่อนล้างมือทุกครั้งนะเพราะที่ตรงนั้นเต็มไปด้วยเชื้อโรค
- หลังล้างมือเสร็จควรเช็ดมือให้แห้งด้วยทิชชู หรือผ้าเช็ดหน้า ไม่ควรสัมผัสอะไรอีก แต่ถ้าต้องสัมผัสลูกบิดประตูอีกครั้งขอแนะนำว่า ใช้กระดาษทิชชูเป็นตัวช่วยในการเปิดลูกบิด มือเราจะได้ไม่ต้องกลับไปสัมผัสเชื้อโรคอีก
- อีกอย่างที่อยากจะฝาก แม้ไม่ใช่ห้องน้ำสาธารณะที่บ้านเราเองก็ควรจะมีพฤติกรรมอย่างที่แนะนำมาข้างต้น โดยเฉพาะพื้นห้องน้ำห้องส้วมควรเช็ดให้แห้งอย่าให้เปียกชื้นเพราะนอกจากช่วยป้องกันโรคแล้ว ยังช่วยป้องกันอุบัติเหตุด้วย

ดูแล้วเหมือนเป็นเรื่องยาก แต่หากคุณผู้หญิงทำให้เป็นนิสัย พกทิชชูเป็นประจำ ล้างมือทุกครั้ง ใส่ใจเพียงนิดเดียวมะเร็งร้ายก็ห่างไกลแล้วล่ะ

No comments: