เกาะรอก … ในเกลียวคลื่น
เกาะรอก … ห่างไกลจากฝั่งแผ่นดินเกาะลันตาก ว่า 14 ไมล์ทะเล หรือราว 40 กิโลเมตร ท้องทะเลอันดามันโอบกอดหมู่เกาะแห่งนั้นไว้จากความเป็นไปของโลก ภายนอกมากมาย รวมถึงหาดทรายขาวนวลบริสุทธิ์ และแนวปะการังที่งดงามรายรอบทั่วเกาะ ที่ว่ากันว่า หากมีปีกบินขึ้นไปดูได้เหมือนกับนก จะพบภาพทะเลสีฟ้าอ่อน ไล่โทนไปจนถึงสีฟ้าแก่ งดงามจับตา …
ฉันได้รับรู้เรื่องราวความสวย งามของ “เกาะรอก” จากบทความที่เขียนลงในบล๊อก และจากสิ่งพิมพ์ต่างๆมาแล้วมาก มาย ทุกคนบอกอย่างเดียวกันว่า เกาะรอกนั้นสวยมาก … ฉัน จึงรอคอยวันที่คลื่นลม และฝนฝั่งอันดามันจะสงบเงียบเชียบอย่างใจจดใจ่อ เพื่อที่จะได้รีบเดินทางไปชื่นชมความสวยใสของผืนน้ำ ดำน้ำตื้นดูปะการัง และสีสันจัดจ้านของปลาทะเล
การเดินทางจากเกาะลันตาไปยังเกาะ รอก ต้องใช้บริการสปีดโบ๊ต ด้วยเวลาราว 40 นาที หากใช้เรือหางยาวจะกินเวลา ราว 3 ชั่วโมง … เราออกจาก ที่พัก มุ่งหน้ามาลงเรือที่อีกด้านหนึ่งของเกาะ สถานที่ที่มีหาดทรายสวยมากแห่งหนึ่งของลันตา … ฉัน มองเห็นโรงแรมและรีสอร์ตสวยๆบนสโลปของภูเขา น่าเข้าไปพักหากมีโอกาส บนหาดทรายขาวเห็นมีบาร์กึ่งๆร้านอาหาร ด้านหน้าประดับประดาด้วยธงสีสันจัด จ้านตัดกับท้องฟ้าสีสวยอยู่หลายแห่ง ซึ่งชวนให้จินตนาการไปว่ายามเมื่อพระ อาทิตย์คล้อยต่ำลาลับขอบฟ้าคงสวยงามมากมาย
เรือแวะรับผู้โดยสารรายทาง ซึ่งล้วนเป็นคนต่างชาติตามโรงแรมต่างๆริมหาด ฉันจึงมีโอกาสเก็บภาพ โรงแรมและรีสอร์ตที่ตั้งอยู่ริมหาดหลายๆแห่งมาฝาก … โรงแรมสุดหรูที่เคยเห็นในนิตยสาร ชั้นนำ เป็นโรงแรมที่คุณ Lovecondo3 เคยมาพักและ เขียนถึงมาแล้วอยู่ในรูปด้านล่างค่ะ มีเรือยอร์ชขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ลอย ลำไว้บริการแขกทีมาพักที่โรงแรมด้วยค่ะ
และหากจะมีใครสักคนอยากจะเดินมา ลงเรือหรือกระโจนลงน้ำที่ลึกหน่อย “สะพานลอย น้ำ” คือคำตอบที่ลงตัวค่ะ ยังไงเมื่อดูด้านนอก ของโรงแรมจากเรือที่ลอยลำในทะเลก็รู้สึกว่าสวยมากค่ะ ดูแล้วชอบ แต่หากจะต้องควักตังค์ไปจ่ายในช่วงเวลาที่เกษียณแล้วอย่างนี้คง ต้องคิดอยู่หลายรอบแน่ๆค่ะ
ฝรั่งเพื่อนร่วมทางคนหนึ่งเล่าว่า เขาเดินทางมารออยู่ที่เกาะลันตาเมื่อหลายวันที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถเดินทางไปที่เกาะรอกได้ เพราะมีฝนตกทุกวัน เรือไม่สามารถออกไปกลางทะเลได้ ด้วยคลื่นลมแรงจนอาจจะเป็นอันตรายต่อ การเดินทาง เพิ่งจะออกทริปได้วันนี้เอง … ฉันเลยบอกเขาไปว่า เวลาฉันไปเที่ยว ฉันมักจะเอาดวงอาทิตย์มาด้วยเสมอ ฟ้าวันนี้จึงใส สวยไม่มีที่ติ … 555+
เรือแล่นด้วยความเร็วสูง ทะยานผ่านคลื่นลมของอันดามันมาเรื่อยๆ … ระหว่างทาง มีวิวของเรือต่างๆให้เก็บผ่านเลนส์กล้องเป็นความทรงจำสีสวยไปด้วย …
“ปัตโชติวชิราภา” คือชื่อของประภาคารสีขาวในท้องฟ้าสีน้ำเงิน ที่ได้รับพระราชทานชื่อมาจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่ หัวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2470 ผ่านเข้ามาในสายตา ขณะเรือแล่นเฉียดเข้าไปใกล้แหลมโตนด
“ขากลับเราแวะ ไปใกล้ๆที่ประภาคารได้ไม๊คะ อยากถ่ายรูปประภาคารค่ะ?” ฉันถามนายท้ายเรือ
“คงไม่ได้ครับ เห็นว่าใกล้แค่นี้ แต่ความจริงมันอยู่ไกลมากเหมือนกัน และนอกเส้นทางที่เราแล่นเรือครับ” คือคำตอบ ซึ่งแน่นอนค่ะ ฉันแอบผิดหวังเล็กๆเป็นครั้งที่สอง ที่ไม่สามารถถ่ายรูปประภาคารแห่งนี้ให้ชัดเจนกว่านี้ได้ ด้วยลิมิตความสามารถของเลนส์กล้องที่มีอยู่
ทะเลเวิ้งว้าง กว้างใหญ่จนมองไม่เห็นฝั่ง มีแค่น้ำกับฟ้าในสายตา ทำให้ฉันนึกถึงวรรณกรรมของแฮมมิ่งเวย์ เรื่อง An old man and the sea … พลัน คิดไปถึงการบรรยายถึงความรู้สึกของชายแก่ที่นั่งอยู่ในเรือลำเล็ก อย่างโดดเดี่ยว สู้กับอารมณ์ ความคิดหลายอย่างภายในจิตใจของตนท่ามกลาง ความเงียบงันและฉากสีดำของราตรี …
การยื้อสายเบ็ด ชักขเย่อกับปลาตัวโตที่มากินเหยื่อ จนทั้งตาเฒ่าและปลาหมดแรง … ลงท้ายด้วยการยุติการต่อสู้ทางร่างกายและจิตใจ ตาเฒ่าได้มาเพียงก้างและซากของปลา แต่เหนืออื่นใดคือชัยชนะที่ก่อเกิด ภายในจิตใจ และความปิติภาคภูมิใจของสัจจะธรรมในการต่อสู้ที่ยุติธรรม … เมื่อตาเฒ่ากลับเข้าฝั่งในข่วงเวลาที่ทิวามาเยือน
เกือบๆหนึ่งชั่วโมงผ่านไปกับทิวทัศน์ เวิ้งว้างของทะเล … แล้วส่วนหนึ่งของเกาะรอกก็เผยโฉมให้ปรากฏในสายตา … วันพรุ่งนี้เราจะไปว่ายน้ำ ชมปลาสวยๆ และปะกรารังที่ยังสมบูรณ์อยู่มากของเกาะแสนสวยแห่งนี้นะคะ โปรดติดตาม
No comments:
Post a Comment