Google
 

Monday, May 10, 2010

ดำน้ำสิมิลัน....วันคริสต์ มาส

26 ธันวาคม 2552


ผมตื่น มาทั้งน้ำตา เมื่อคืนฝันถึงแม่ครับ ฝันถึงเรื่องเก่าๆ ผมจำรายละเอียดไม่ได้นัก แต่อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่คุยกับพี่วาม เมื่อวานนี้ก็ได้

เช้านี้ลงดำกันที่กองหินริเชลิวครับ จุดดำน้ำสุดสวยที่นักดำน้ำต่างก็ พูดเป็นเสียงเดียวกัน




Dive 9 รวมตัวกัน สากนักล่า!!!


ฝูงปลาข้างเหลืองเยอะเลย สำหรับริเชลิว มีอะไรให้ดูเยอะเสมอ




ปลาจิ้มฟันจระเข้ปีศาจ(Harlequin Ghost pipefish) สัตว์ประหลาดที่หลายคนชื่นชอบ ที่เห็นไดฟ์นี้มีอยู่ 3 ตัวครับ แต่ถ่ายรูปมาค่อนข้างเบลอ เพราะข้อจำกัดเรื่องปริมาณนักดำน้ำน่ะ ก็เลยรีบๆดู กด 1 ครั้ง แล้ว รีบๆออกครับ

โพรงตรงนี้ ผมจ๊ะเอ๋กับ กั้งตั๊กแตน(Mantis Shrimp) ว่ากันว่า มีแรงดีดสูงครับ โดนเข้าไปถึงขั้นร้องจ๊าก ดูเฉยๆดีกว่า




จากกั้ง ตรงกิ่งของปะการังมีหอยเบี๊ยครับ สองตัวแน่ะ ลายเหลืองสลับดำแบบนี้ คือ หอยเบี๊ยชนิด Primovula tigris แต่ตัวเล็กมาก ผมต้องขยายดูในกล้องถึงจะเห็นชัด ใกล้ๆมีนักดำน้ำซักคน มาถามว่ามีอะไร ผมไม่รู้จะอธิบายสัญลักษณ์ว่าอะไร ก็เลยกดในกล้องให้ดู คนนั้นทำท่าโอเค(แล้วไปต่อ) แสดงว่า อาจจะธรรมดาเกินไปครับ 555




อุดมสมบูรณ์หรือไม่ ก็มีปลาการ์ตูนสี่ชนิดที่นี่แล้วกัน ใครชอบน้องการ์ตูนคงไม่ผิดหวัง เริ่มจาก ปลาการ์ตูนส้มขาว(Flase Clown Anemonefish) ปลาการ์ตูนอินเดียน(Skunk Anemonefish) ปลาการ์ตูนลายปล้อง(Clark ‘ s Anemonefish) และปลาการ์ตูนปานดำ(Red Saddleback Anemonefish)หรือปลาการ์ตูนมะเขือเทศ นั่นเอง




ที่กลางน้ำ ระหว่างพี่หนอมจุด Sausage ทำ Safty Stop มีฝูงปลาสากบั้ง(Blackfin Baracuda)ให้ดูกัน ลักษณะหัวเรียวแหลม มีบั้งบริเวณลำตัว เป็นนักล่าที่มักจะอยู่บริเวณกองหินที่มีกระแสน้ำ ดูแล้วนึกถึงรายการทีวีของญี่ปุ่น ที่แล่ปลามากินสดๆ เห็นแล้วหิว ปลาสากเป็นหนึ่งในปลาเศรษฐกิจครับ เก่งแค่ไหนก็ไม่พ้นมนุษย์หรอก จอมทำลายล้างสุดๆแล้ว

แน่นอนที่สุด ส่วนปลาชนิดอื่นๆในไดฟ์นี้ก็มี ปลาสินสมุทรจักรพรรดิ(Emperor Angelfish) และปลาปักเป้าหน้าหมา(Blackspotted Puffer) อีกแล้วครับท่าน

พักน้ำ แล้ว ไส้กรอก ไข่ดาว แฮม ก็แล้ว ลงริเชลิวเหมือนเดิมครับ




Dive 10 ฉุดร่างกายขึ้นอย่างบ้าคลั่งกับลมใน BCD!!!!


ปากเป็นท่อแบบนี้ คือเจ้าปลาจิ้มฟันจระเข้ลายด่าง(Scribbled Pipefish) แถวอ่าวไทยก็มี แต่ที่อันดามันดูจะสดใสกว่าอ่าวไทยที่สีจะ ตุ่นๆ พวกนี้ปากจู๋ ดูแล้วคงไม่มีฟัน หากมีก็คงไม่คม อาหารเป็นพวกแพลงตอนสัตว์ แต่เวลาเลื้อยคล้ายๆงู หลายคนเห็นการเคลื่อนไหว อาจจะเข้าใจผิดได้




ผมถ่ายเจ้าตุ๊ดตู่ Blenny หรือปลาตั๊กแตนหิน ได้ด้วยครับ ปกติพวกนี้ไว ชนิดนี้สีไม่สวยนักแต่สวยกว่าที่เคยเห็นในอ่าวไทยแน่นอน ลองนิ่งๆ หายใจเบาๆ ดูบ้าง

น้ำเข้าตาด้านขวาครับ ก็เคลียร์กันไป จนกว่าน้ำจะออก แล้วผมก็พบปัญหา เพราะร่างกายเหมือนจะถูกฉุดบริเวณตั้งแต่ส่วนหัวลงไปขึ้นด้านบน อย่างรุนแรง มันเกิดอะไรขึ้น

ผมรู้ว่า มีลมในเสื้อ BCD ครับ พยายามกดไล่ แต่ชุด BCD แบบแปลกๆแบบนี้ ผมไม่เคยใช้มาก่อน(ปุ่มกดอยู่ด้านข้าง ลำตัว) ถ้าหากผมปล่อยมือจากก้อนหิน ผมจะขึ้นสู่ผิวน้ำด้วยความเร็วมาก อาจมีอันตราย จากการขึ้นสู่ผิวน้ำด้วยความเร็ว นั่นไง ไดฟ์คอมเตือนแล้ว รีบตีขาลงมา หาที่จับ ขึ้นไป ผมอาจโดนเรือชนก็ได้นะ ชอบมีอะไรให้ตื่นเต้นอยู่เรื่อยเลยนะ 555(ตอนนั้นไม่ขำครับ แต่ตอนพิมพ์นี่แหละขำ)

รีบเข้าไปหาพี่หนอมก่อนเลยครับ ทำท่าให้ดู(ชี้ไปที่ BCD) พอตัวดันขึ้น พี่หนอมเห็นปัญหา เลยจับเสื้อ BCD ให้ตรง ไล่ลมให้ผม และแล้วก็กลับสู่สภาวะปกติ แต่อากาศจะหมดครับ สาเหตุเพราะตื่นเต้น หายใจเร็ว ผมเลยขอขึ้นก่อนดีกว่า

ไดฟ์ต่อไป มุ่งสู่เกาะตาชัย(บริเวณกองหิน) ครับ




Dive 11 สินสมุทรบั้งเหลือง!!!!




ลงมาพบปลาสร้อยนกเขาแตงโม(Indian Ocean Oriental Sweetlips) ถ้าเจอตอนมาเป็นฝูงนะ สุดสวยเลยครับ ถ้าจำไม่ผิดเคยเห็นภาพที่พี่นัท สุมนเตมีย์เคยถ่ายไว้ โอ้ สวยมาก ลงหน้าปกด้วย




ต่อไปเป็น ปลาสิงโตครีบจุด(Spotfin Lionfish) เคลื่อนไหวช้าพร้อมจะให้ทุกท่านถ่ายรูป




ตรงกลางก้อนหินใหญ่ มีเจ้าปลาสินสมุทรชนิดหนึ่ง สีสีสันสวยงาม ลำตัวสีขาว มีบั้งขาวสลับน้ำเงิน นี่คือ ปลาสินสมุทรบั้งเหลือง(Regal Angelfish) อยู่ในตระกูล Pomacanthus หลายคนสงสัยว่าจะแยกจากปลาผีเสื้อได้ อย่างไร เขาบอกว่า ปลาสินสมุทรตัวจะใหญ่กว่า และปลาสินสมุทรมีเงี่ยง แต่ปลาผีเสื้อ ไม่มีครับ

จากนั้นเริ่มถ่ายรูปกันเองครับ ใครอยู่ใกล้ๆก็กดแฉะ Act ท่ากันหน่อยนะ

นอก จากเทอร์โมคลายที่หนาว จับใจแล้ว ก็มีปลาสินสมุทรจักรพรรดิ(Emperor Angelfish) และปลาเก๋าขนาดใหญ่ น่าจะเป็นปลากุดสลาด(Squaretal Coralgrouper) จนปัจจุบัน ผมก็ยังมีปัญหาระหว่างปลาหมอทะเลกับกุดสลาด พอสมควร ใครทราบช่วยบอกผมหน่อยนะครับ

Night Dive เราลงกันที่เกาะบอนครับ




Dive 12 ผีฝรั่งกับคนใบ้!!!!


ระหว่าง ที่ผมกำลังว่ายผ่านปะการังผักกาด ก็มีสัตว์ทะเลตัวยาวๆอยู่ด้านล่างครับ ใกล้มาก ค่อนข้างตกใจ

ปลาไหลมอเรย์ม้าลาย(Zebra Moray) ครั้งแรกที่เห็นในเวลากลางคืนครับ คราวก่อนผมเจอเวลากลางวัน ก็สิมิลันนี่แหละ แต่ตัวนั้นถ่ายไม่ได้เพราะเร็ว ตัวนี้เคลื่อนช้าๆครับ พอนึกถึงว่ามันคล้ายงู เลยค่อนข้างกลัวๆ ผมลอยตัวอยู่กับที่ หยิบกล้องขึ้นมาถ่าย ก่อนที่มันจะหายเข้าไปในดง ปะการังครับ(เห็นโต้งกับนิ้วนางบอกว่า อยากเจอมากนะ สำหรับตัวนี้)




ต่อด้วย Octopus 2 ตัว เกี๊ยวพาราสี คราวนี้ถ่ายรูปได้ครับ




มีปูปะการัง(Coral Crab)และปลาแมงป่องเกล็ดเล็ก(Tassled Scorpionfish) แม้น่าสนใจน้อยสำหรับบางคน แต่เป็นสัตว์ทะเลที่เสมอต้นเสมอ ปลาย เป็นมิตรกับนักถ่ายรูปเสมอ ถ้าไม่แตะ(ฮา)

ขึ้นมาบนผิวน้ำ ค่อนข้างมืด(ก็แหงล่ะ มัน Night Dive) ใกล้ๆ มีชาวต่างชาติคู่หนึ่งพึ่งขึ้นมา ท่าทางจะหลงกับเรือครับ พอเข้าไปคุยปรากฏว่า เขาทำภาษามือ อารมณ์เหมือนว่า กำลังตกใจกลัว

หรือจะเป็นผีวะ!!! หลายคนคิดแบบนั้น

ดูแล้ว ชาวต่างชาติคู่นี้ ที่ไม่พูด เพราะเขาเป็นใบ้ครับ ผมและเพื่อนๆงง ทำอีท่าไหน ถึงหลุดมาแบบนี้ในเวลากลางคืน แถมพูดก็ไม่ได้ ผมว่าอันตราย ดูท่าทางเขาและเธอ อยู่ในอาการตกใจกลัวซะด้วย!!!

มันไม่ผิดหรอกครับ ในการดำน้ำกลางคืน สำหรับคนใบ้(พึ่งเคยเห็นนี่แหละ) แต่ผมว่า ในการดำน้ำกลางคืน ต้องดูแลให้เข้มงวดมากๆ กว่าปกติอยู่แล้ว โชคดีว่า เจอเรือครับ กำลังหาชาวต่างชาติอยู่พอดี เป็นอันว่า Happy Ending

พัก ผ่อนครับ ทิ้งช่วงในการเขียนนาน รายละเอียดอาจหายไปบ้าง(นี่ขนาดหายไป นะเนี่ย)


27 ธันวาคม 2552


ลงกันที่เกาะบอนครับ




Dive 13 นโปเลียน ไปซะแล้ว!!!!!


ลงมาแป๊บเดียวก็เจอปลานโปเลียน(Napoleonfish) หรือปลานกขุนทองหัวโหนก จัดว่าใหญ่ที่สุดในบรรดาปลานกขุนทอง เมืองไทยกว่าจะมาแต่ละตัว แต่ต่างประเทศเขาว่าเจอง่ายมาก คงต้องหาโอกาสไปทดลองดูครับ




ปลากะรังลายนกยูง(Peacock Grouper) ปลาปักเป้าจุดฟ้า(Bluespotted Puffer) ปลาวัวไตตัน(Titan Triggerfish) ปลาสินสมุทรวงฟ้า(Blue ring Angelfish) และปลาตัวใหญ่ ที่งงอีกแล้ว ว่ากุดสลาดหรือหมอทะเล

ที่ เหลือ ว่ายเล่นในแนวน้ำตื้นครับ ไม่มีอะไรมาก

พักน้ำแล้วลงที่เกาะบอนอีกไดฟ์หนึ่ง




Dive 14 ปวดคอ เสมหะเหนียว!!!!


น้ำ ยังคงใสดีครับ ด้านล่าง รวมฮิตปลาบู่ เริ่มจาก ปลาบู่หน้าม่วง(Decorated Dartfish) และปลาลูกดอกเพลิง(Fire Dartfish)





ดูแล้วเหมือนนักดาบ มากกว่ากุ้งครับ นี่คือ กุ้งมังกร(Lobster) ขึ้นภัตตาคารเมื่อไร ราคาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ดูแล้วในน้ำ มีชีวิตชีวากว่าบนจานเยอะ

ดูเหมือนปลากระดี่ทะเลนะครับ ถ่ายไม่ชัดเท่าไร แต่ใช่แน่ๆ

รู้สึก ทรมานครับ คอแห้งมาก แถมมีเสมหะที่เหนียวแล้วขากไม่ออกเสียด้วย ก็เลยเป็นอะไรที่พะอืดพะอม พอสมควร อยากจะขึ้นซะเดี๋ยวนั้นเลย

ปิด ท้ายก็มีปลาสลิดหินคอขาว ปลาผีเสื้อรูปไข่ ปลาไหลมอเรย์ยักษ์ ปลิงขูด(Bohaddschia graffei) และปลาปักเป้าหน้าหมาครับ

จริงๆไดฟ์หน้ามีอีกครับ ที่เรือจมบุญสูง แต่ผมขี้เกียจลงแล้วครับ เป็นไดฟ์แรกที่ skip เลยยังไม่ถึง 117 หยุดแค่ 116 ก่อน

คนอื่นๆไม่ ลงเพราะวันรุ่งขึ้น มีขึ้นเครื่องตอนเช้า ต้องพักน้ำให้เพียงพอ ไม่งั้นอาจเป็นอันตรายได้ ส่วนผมกลับบ่ายครับ

การตัดสินใจ skip ไดฟ์นี้ของผม ถือว่าพลาดอย่างแรง เพราะพี่หนอม พี่ซิม ครูนัท น้องเหม่เม้ เจอปลาสุดหายากในเมืองไทยครับ เห็นว่าอาจเป็นครั้งแรกที่มีรายงาน ต่างประเทศมีที่ช่องแคบเลมเบห์ครับ

รู้สึกว่าจะชื่อ เวลเวด หน้าตามันประหลาดครับ(ดูจากกล้องพี่ หนอม) จนบางทีหลายคนอาจไม่สนใจ แต่ผมว่าในเมืองไทย เจอยากกว่าแมนต้าหรือฉลามวาฬอีกนะ

มุ่งหน้ากลับสู่ท่าเรือทับละมุ

คืนสุดท้ายก็มีฉลองกัน น่าจะมากที่สุดสำหรับทุกคืนครับ




28 ธันวาคม 2552


มาสนามบินพร้อมๆกับทุกคนครับ ดูจะโกลาหลเล็กๆ เพราะคนเยอะมาก ต่อแถวยาวเหยียด จะตกเครื่องกัน ต้องรีบวิ่งเข้าไปด้านใน เอาบัตรประชาชนไปให้เจ้าหน้าที่ก่อน

ส่วนผม จะมาเที่ยวต่อครับ ตั้งใจว่าจะเที่ยวใกล้ๆสนามบินนี่แหละ

หลังจากทุกคนไปกันแล้ว ผมเดินต๊อกแต๊ก หารถเข้าเมือง เพราะรถโดยสารแบบขามา มันออกไปแล้วครับ!!!

ไม่นานนัก ผมเจอลุงชนะ ขับรถส่วนตัว บริการนักท่องเที่ยว เมื่อตกลงราคาได้ เช้านี้ผมจะไปวัดพระทอง เพื่อไปทำสังฆทานให้แม่ และไปอุทยานแห่งชาติสิรินาถ(หาดในยาง) เพื่อสำรวจครับ

นับว่าตัดสินใจถูก เพราะของหนักกว่าขามา(เปียกน้ำ) แถมรถโดยสาร ไม่ผ่านสถานที่ที่ผมจะไปครับ




มุ่งหน้าสู่วัดพระทอง(วัดพระผุด)


“ตั้งแต่ลุงขับรถมา ไม่เคยเห็นคนอย่างไอ้หนุ่มเลย ลุงขับรถมานาน เชื่อเถอะ ที่มาเข้าวัดเข้าวาแบบนี้ ไม่มีหรอก” ลุงชนะบอก

“ผมก็แค่ อยากมาทำสังฆทานให้แม่ครับ แม่ผมพึ่งเสียจากมะเร็ง วัดนี้ผมกับแม่และครอบครัว เรามากันประจำเวลามาภูเก็ต ก็อยากจะมาแม่เที่ยวด้วยครับ” พูดไปก็ยิ่งบิ้วอารมณ์ตัวเอง ไปซะอย่างงั้น

หาข้าวกินหน่อยครับ หิวมาก ข้าวแกงท้องถิ่นนี่แหละ ลุงชนะบอกไม่ต้องรีบ

ก็หาเครื่องสังฆทานซะเลย




วัดพระทองและตำนาน


“ตำนานพระผุดฉบับวัด พระทองเล่าว่า ครั้งหนึ่งมีเด็กเอาควายมาผูกไว้กับหลัก ต่อมาทั้งเด็กและควายก็ตายลง พ่อเด็กฝันเห็นสาเหตุการตาย เลยมาดูที่หลัก จึงพบว่าเป็นพระเกตุมาลาของพระพุทธรูป”




สงสัยมาเช้าไป พระท่านยังฉันอยู่เลยครับ ผมเลยต้องรอ พออยู่เงียบๆ มองดูในสถานที่ที่คุ้นเคย ก็ฟุ้งซ่าน น้ำตาก็คลอ แม่เคยมาตรงนี้ ผมถ่ายรูปให้ตรงนี้ เรามาไหว้พระกันที่นี่

พอพระท่านมา ผมมาทำสังฆทาน ท่านก็พูดคุยกับผมเล็กน้อย

“จริงเหรอ มีคนมาบนไว้กับหลวงพ่อพระผุดเหมือนกัน จะสอบผู้พิพากษา ท่าทางคงสอบได้ล่ะ เลยมาแก้บน”

ท่านก็บอกให้ผมพยายามต่อไปครับ




อุทยานแห่งชาติสิรินาถ(หาดในยาง)


อยู่ ใกล้สนามบินมากครับ ที่มาเพราะอยากดูว่าเป็นอย่างไร จะเอาตราอุทยานมาปั้มด้วยน่ะ




ปั้มตราอุทยาน เดินออกมาสำรวจหาด ค่อนข้างเงียบ เหมาะกับคนที่ชอบความเงียบสงบจริงๆ

สูดหายใจเต็มปอด คงอีกนานกว่าจะได้กลับมาอีก

ที่สนามบินคนยังเยอะอยู่เลยครับ เจอครูนัทกับพี่ซิมที่นี่ด้วย พึ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมถุงเท้าที่เรือ กับกระดาษจนเบอร์โทรศัพท์ 1 ใบ (คงไม่ทันแล้วล่ะ 555)

ขากลับมาดอนเมือง เจอสาวคนนั้นอีก และก็ไม่ผิด ก็น้องปุ๊ ลูกศิษย์ครูปรีชานี่แหละ น้องปุ๊ไปดำน้ำอันดามันใต้มาครั




บทส่งท้าย


ครั้งที่สามกับทริปอันดามันเห นือ แม้ครั้งนี้การเดินทางจะเปลี่ยนไปเพราะไม่มีเธอคนนั้น อยู่ที่ปลายสายโทรศัพท์ คอยคุย คอยถาม คอยห่วงใยและยึดเหนี่ยว

ขอบ คุณสมาชิกทุกท่าน อาจจะเขียนบันทึกการเดินทางที่เสร็จช้าที่สุด ตั้งแต่ที่เคยเขียนมา เพราะกินเวลา 4 เดือน พึ่งจะมีเวลาน่ะครับ

ยังไงก็ เจอกันทริปหน้า

No comments: